อาสาสมัครสื่อทางเลือก จุดยืนประชาธิปไตย
จาก: ฅนข่าวเท้าติดดิน
โดย: ภัทรพล สุธาวุฒิไกร
ท่ามกลาง วิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ที่เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นต้นมา ต้องยอมรับประการหนึ่งว่า ยังมีองค์กรเอกชน ที่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของสังคม ได้อย่างจริงจัง แม้ไม่ใช่ภาครัฐก็ตาม
เช่นที่สื่อมวลชน บางสาขาและบางสำนัก กำลังแสดงความบิดเบี้ยวให้เห็น โดยต่อเนื่องอย่างน่ากลัว แม้แต่สื่อมวลชนด้วยกัน ยังกล่าวด้วยความรังเกียจ ถึงกระบวนการเช่นนี้ว่า “ยุทธการตอแหล” ซึ่งหมายถึง การเลือกนำเสนอ แต่เรื่องที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายพวกตน และเผยแพร่กรณีที่เป็นโทษ กับอีกฝ่ายเท่านั้น
ดังนั้น ประชาชนผู้รับสื่อในทุกวันนี้ จึงจำเป็นต้องมองหา วิธีการที่จะเข้าถึง “ความจริง” ที่ถูกปิดบังซ่อนเร้นเหล่านั้น ซึ่งทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่งคือ การค้นคว้าหาเอาด้วยตนเอง หรือฝากให้ผู้แทนที่เชื่อถือได้ เป็นผู้ดำเนินการแทน และทีมข่าวเว็บล็อก “ไทย อี-นิวส์” ก็ถือเป็นหนึ่ง ในกลุ่มผู้ดำเนินการเช่นนั้น
คลอดหลังรัฐประหารอัปยศ ๑๙ กันยาฯ
“ไทย อี-นิวส์” ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในโลกอินเตอร์เน็ต เมื่อวันพุธที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้หลังเพียงเดือนเศษ หลังรัฐประหารโดย “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (คปค.) เมื่อค่ำวันอังคารที่ ๑๙ กันยายน ปีเดียวกันนั้น (ดูเพิ่มจากเนื้อหาในบทที่ ๐๔) โดยกลุ่มอาสาสมัคร ซึ่งเดิมเป็นเพียงนักท่องอินเทอร์เน็ต ที่มีจุดยืนในอันที่จะปกป้องระบอบประชาธิปไตย และเคยรวมตัวกับชุมชนออนไลน์ เว็บบอร์ดราชดำเนิน ในเว็บไซต์พันทิปดอตคอม[๑]
สื่อบางสำนักบิดเบือน-ร่วมหักหลังประชาชน
ต่อมา ทางพันทิป รวมถึงสื่อกระแสหลัก ต่างก็เซ็นเซอร์ตัวเองกันอย่างเข้มงวด และด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ซ้ำร้ายบางแห่ง ยังบิดเบือนข่าวสารอย่างร้ายกาจ หักหลังประชาชน แล้วยังให้ท้ายสนับสนุนเผด็จการและพวก เช่นกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีพฤติกรรมขัดแย้ง กับหลักการประชาธิปไตย แม้แต่ชนชั้นนำ ที่อยู่เบื้องหลังการแทรกแซงทางการเมือง อันเป็นผลร้ายต่อระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นของปวงชนชาวไทย[๑]
อาสาสมัครสื่อทางเลือก-จุดยืนประชาธิปไตย
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงทำให้เว็บล็อก “ไทย อี-นิวส์” และ “ไทย เพรส ล็อก” เกิดขึ้นเพื่อเป็นสื่อทางเลือกใหม่ ให้กับผู้ร่วมอุดมการณ์ โดยนำเสนอข้อมูลข่าวสารอีกด้าน ซึ่งมีอำนาจที่มองไม่เห็นอำพรางไว้ เปิดโปงกลุ่มเผด็จการทำลายชาติ และต่อต้านประชาธิปไตย ตลอดจนแสดงจุดยืน สนับสนุนความเคลื่อนไหวของประชาชนชาวไทย ผู้ต่อต้านเผด็จการ เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยกลับมา[๑]
ข่าวแรก-แถลงข่าวชุมนุมสนามหลวง
ทั้งนี้ “ไทย อี-นิวส์” นำเสนอข่าวที่มีพาดหัวว่า “แถลงข่าวกลุ่มประชาชนผู้รักประชาธิปไตย” เป็นชิ้นแรก โดยอ้างอิงมาจากเว็บไซต์ประชาไท และมีเนื้อหากล่าวถึงการแถลงข่าวกิจกรรมการชุมนุม ของกลุ่มประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ น. ที่ท้องสนามหลวง ซึ่งการแถลงข่าวดังกล่าว มีขึ้นที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม โดยทางกลุ่มฯ มีข้อเรียกร้อง ๓ ข้อคือ
๑. ต้องการให้คืน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ กลับมาสู่ประชาชน โดยเร็วที่สุด
๒. กอบกู้พระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมา เพราะคณะรัฐประหารทำให้ผู้คนทั้งโลกเข้าใจผิดว่า พระองค์ท่านไม่เป็นประชาธิปไตย ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนรัฐประหารครั้งนี้
๓. ไม่ยอมรับการทำรัฐประหาร รัฐบาล หรือกฎหมาย ที่ออกโดยคณะรัฐประหาร และต่อต้านการทำรัฐประหารในประเทศไทยในอนาคต[๒]
บทความแรก-แถลงการณ์กระบวนทัพประชาชน
ส่วนบทความแรกที่ “ไทย อี-นิวส์” นำมาเผยแพร่คือ “แถลงการณ์กระบวนทัพประชาชน” เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙[๑] โดยมีใจความว่า
---------------------------------------------------------------------------------------------
“แถลงการณ์กระบวนทัพประชาชน”
ประชาชนไทยทั้งหลาย พึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้ เป็นของประชาชนทุกคนเสมอกัน ไม่ใช่ของพวกอภิสิทธิ์ชน เผด็จการอำนาจนิยม ในระบอบอำมาตยาเปรมาธิปไตย ตามที่เขายัดเยียดให้
บรรดาเผด็จการอำนาจนิยม พวกอภิสิทธิ์ชน กี่ยุคสมัย ไม่เคยเปลี่ยนธาตุแท้ของพวกเขาเลย นั่นก็คือ การกดขี่หยามเหยียด ประชาชนร่วมชาติร่วมแผ่นดิน ให้อยู่ภายใต้การปกครองเยี่ยงทรราช โดยไม่ยินยอมให้ประชาชน มีสิทธิ มีเสียง มีเสรีภาพ มีการตั้งตัวแทนของตนขึ้นปกครองบ้านเมือง ตามระบอบประชาธิปไตย
เมื่อครั้งจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ พวกอภิสิทธิ์ชน ก็บังอาจอ้างว่า ประชาชนทั่วไปยังโง่อยู่ จึงไม่ยอมให้ในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานรัฐธรรมนูญตามพระราชประสงค์ จนต้องมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ผ่านไป ๗๐ ปีเศษ คณะรัฐประหาร ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ก็บังอาจกล่าวอ้างอย่างซ้ำซากว่า ประชาชนยังโง่อยู่ เลือกผู้บริหารประเทศตามอามิสสินจ้าง แล้วก็ยึดอำนาจรวบรัด กลับไปยังพวกตน ทั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ในวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ดังที่ทราบกันทั่วไป แม้การกระทำอันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นนี้ พวกซากเดนล้าหลังอภิสิทธิ์ชน ก็บังอาจกระทำลงไป
อีกประการหนึ่ง ที่พวกซากเดนล้าหลังอภิสิทธิ์ชน เผด็จการอำนาจนิยม มักเข้าใจผิดก็คือ ดูถูกหมิ่นแคลน ไม่มีความเชื่อมั่นศรัทธา ในพลังสามัคคีของประชาชน อันกว้างใหญ่ไพศาล มักคิดสั้นๆ ว่า เมื่อเด็ดหัวขบวน ผู้นำการต่อสู้แล้ว ขบวนแถวของประชาชนผู้รักชาติ จะล่มสลายลง ซึ่งเป็นการคิดผิดทุกครั้ง
อาทิ ในคราวการลุกขึ้นต่อสู้ เรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ พวกเผด็จการอำนาจนิยม ได้จับกุมผู้นำการเรียกร้องรัฐธรรมนูญไป ๑๓ ราย โดยคิดว่าจะกำราบให้อยู่หมัด แต่มวลมหาประชาชน ก็ได้เคลื่อนขบวนทัพออกมาเรือนล้าน จนโค่นล้มพังทลายคณะผู้เผด็จการ ลงไปอย่างราบคาบ
หรือในคราว การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ในช่วงของการต่อสู้อันแหลมคมนั้น พวกเผด็จการอำนาจนิยม ได้จับกุมพลตรีจำลอง ศรีเมือง ผู้นำขบวนการต่อสู้ในขณะนั้น โดยหวังว่าขบวนทัพประชาชนจะยอมแพ้ แต่เท่ากับจุดประกายให้ประชาชนผู้รักชาติ ขยายวงการต่อสู้ออกไปอย่างกว้างขวาง และโค่นล้มผู้เผด็จการออกไปในท้ายที่สุด
พวกเผด็จการอำนาจนิยม ซากเดนอภิสิทธิ์ชนล้าหลัง ไม่เคยสำนึกในประวัติศาสตร์ ความพ่ายแพ้ของฝ่ายตนเลย ล่าสุด กำลังย้ำรอยความพ่ายแพ้ให้แก่พวกเขา เมื่อคิดว่าเด็ดยอด ขจัด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกไปจากเวทีการเมืองแล้ว จะสลายพลังของขบวนทัพประชาชนลงได้
พวกเผด็จการอำนาจนิยม ซากเดนอภิสิทธิ์ชนทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ทักษิณก็เป็นเพียง สัญลักษณ์ของฝ่ายประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ต่างไปจาก ‘๑๓ กบฏ’ ในกรณี ๑๔ ตุลาคม หรือพลตรีจำลอง ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕
แม้จะเด็ดยอด จับกุมคุมขัง หรือขจัดให้พ้นเวทีการเมืองไปได้ แต่ไม่มีทางเลยที่จะหยุดยั้ง ขบวนทัพอันเกรียงไกรของประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรมได้
เพราะขบวนทัพของประชาชน ผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม ในทางประวัติศาสตร์ ไม่เคยขึ้นตรงต่อผู้ใด ธรรมชาติเป็นไปเพื่อการปกปักรักษามรดกประชาธิปไตย อันเป็นของปวงชนเอาไว้ด้วยเลือดเนื้อ ชีวิต และจักสืบสานการต่อสู้ สืบทอดต่อไปยังอนุชนในอนาคต
พลังบริสุทธิ์ของผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อเผด็จการอำนาจนิยม ระบอบอภิสิทธิ์ชนล้าหลัง มีแต่เกียรติประวัติแห่งชัยชนะ ดังนั้นระบอบอำมาตยาเปรมาธิปไตย ก็เตรียมตัวเป็นรายต่อไป ที่จะถูกบดขยี้ให้พังพินาศในเร็ววัน
ประชาชนไทยทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของประชาชนทุกคนเสมอกัน ไม่ใช่ของพวกอภิสิทธิ์ชน เผด็จการอำนาจนิยมในระบอบอำมาตยาเปรมาธิปไตย ขอให้มีความเชื่อมั่นในพลังของขบวนทัพประชาชน ผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย มีความศรัทธาในเกียรติประวัติการต่อสู้ของพวกเรา และแน่นอนว่า ชัยชนะของประชาชนกำลังจะมาถึง พวกอสัตย์อธรรมกำลังจะพบจุดจบในไม่ช้านี้
ขบวนทัพประชาชน ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
๓ ตุลาคม ๒๕๔๙[๓]
---------------------------------------------------------------------------------------------
‘๑.๕ล้าน’ ต้อนรับไทยอีนิวส์ ๙ เดือนแรก
เมื่อเปิดตัวขึ้นบนโลกไซเบอร์ ประชาชนผู้ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ก็ต้อนรับ “ไทย อี-นิวส์” ตั้งแต่ระยะแรกทันที สะท้อนบรรยากาศที่ประชาชนเพรียกหาประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการทหาร ซึ่งกำลังลุกลามออกไป อย่างกว้างขวางและรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง
อย่างไรก็ตามในระยะหนึ่ง เผด็จการก็เข้าคุกคามโลกออนไลน์ ส่วนที่ต่อต้านพวกตน “ไทย อี-นิวส์” จึงต้องยุติบทบาทไปในช่วงนั้น แล้วจึงกลับมายืนหยัดนำเสนอข่าวสาร ตามแนวทางเดิมอีกครั้ง ตั้งแต่ราวต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๐
จากนั้น “ไทย อี-นิวส์” เริ่มเปิดระบบสถิติ เพื่อนับจำนวนผู้เข้าชมเป็นครั้งแรก ในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๐ นับจนถึงสิ้นปี มีผู้เข้ามาอ่านข่าว บทความ และทรรศนะในเว็บล็อก รวมทั้งสิ้น ๑,๕๒๑,๖๐๗ ครั้ง[๑]
พธม.ยึดสุวรรณภูมิ-ผู้ชมทะลุ๖หมื่นต่อวัน
เมื่อขึ้นสู่ศักราชใหม่ สถานการณ์ทางการเมืองเข้มข้นและร้อนแรงยิ่งขึ้น แต่ประชาชนที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ตามนโยบายนำเสนอที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ได้สิ่งเหล่านี้จากสื่อกระแสหลัก จึงกลายเป็นเหตุผลหลัก ที่มีผู้เข้าติดตามอ่านเนื้อหาจาก “ไทย อี-นิวส์” ในอัตราก้าวกระโดด ทั้งนี้ ตลอดปี พ.ศ. ๒๕๕๑ มีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมถึง ๔,๙๗๙,๑๖๗ คน
โดยวันที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมสูงสุดในปีดังกล่าว คือวันที่ ๒๕ (๖๑,๓๔๓ ครั้ง) และ ๒๖ พฤศจิกายน (๖๑,๕๑๐ ครั้ง) ซึ่งเป็นสองวันแรก ที่กลุ่มพันธมิตรฯ และแนวร่วม บุกเข้ายึดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว “ไทย อี-นิวส์” เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนหนึ่ง ที่ติดค้างอยู่ในสนามบินเป็นจำนวนมาก ตลอดจนท่าทีของนานาชาติ รวมถึงเป็นสื่อไทยแห่งแรก ที่ประณามพฤติการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็น “การก่อการร้ายสากล” รวมถึงการเปิดโปงของสื่อต่างชาติว่า มีชนชั้นนำให้ท้ายกลุ่มพันธมิตรฯ อีกด้วย
ส่วนฝ่ายรัฐบาล ภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีทั้งสองคน ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๑ มีความพยายามจะบังคับใช้กฎหมาย แต่ทว่าล้มเหลว เพราะกองทัพและตำรวจเพิกเฉย ซ้ำยังสมคบคิดกับชนชั้นนำ และกลุ่มพันธมิตรฯ อีก[๑]
สงกรานต์เลือด-แห่อ่านข่าวเฉียดแสน!
ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เกิดกระแสเรียกร้องประชาธิปไตยในหมู่ปวงชนชาวไทย เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ผันผวน เกิดการสลับขั้วอย่างพิสดาร ด้วยกระบวนการพิเศษ ส่งผลให้เพียงยังไม่ครบห้าเดือน ก็มีผู้เข้าชมข่าวสารและบทความจาก “ไทย อี-นิวส์” แล้วถึง ๓,๔๙๙,๗๓๕ ราย
อย่างไรก็ตาม ช่วงเหตุการณ์ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล และที่อื่นๆ ในกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๘-๑๔ เมษายน ก็ทำลายสถิติจำนวนผู้เข้าชมสูงสุด ที่เกิดขึ้นเมื่อคราวการชุมนุมยึดสนามบินลงไป โดยในวันอาทิตย์ที่ ๑๒ เมษายน ผู้ชมเพิ่มสูงขึ้นเป็น ๘๘,๕๒๑ คน และในวันจันทร์ที่ ๑๓ เมษายน ผู้ชมพุ่งขึ้นไปเกือบถึงหลักแสน ที่จำนวน ๙๗,๖๐๖ คน ทั้งที่ช่วงระหว่างเหตุการณ์ มีสถิติอยู่ประมาณระหว่าง ๓๕,๐๐๐-๔๕,๐๐๐ ครั้งต่อวันเท่านั้น
เนื่องจากสื่อกระแสหลักถูกควบคุมไว้ ด้วยพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่รัฐบาลประกาศเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ในขณะที่บางส่วนก็นำเสนอข่าวอย่างลำเอียง เพราะมีอคติกับกลุ่มคนเสื้อแดง และให้การสนับสนุนรัฐบาลอย่างเปิดเผย ส่วนไทย อี-นิวส์ ก็เกาะติดนำเสนอเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างครบถ้วนรอบด้าน ทั้งข่าวจากสื่อมวลชนต่างชาติ รายงานจากผู้สื่อข่าวอาสาในพื้นที่ และการแถลงข่าวจากฝ่ายบัญชาการเหตุการณ์ของรัฐบาล
แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ยังอ้างอำนาจไปตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สั่งการให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ดำเนินการปิดกั้นการเข้าถึง (บล็อก) ทั้งไทย อี-นิวส์, เว็บไซต์ฝ่ายประชาธิปไตยกว่า ๖๐ แห่ง รวมถึงสถานีประชาธิปไตย (ดี-สเตชั่น) โทรทัศน์ดาวเทียมของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย “ไทย อี-นิวส์” จึงต้องเปิดเว็บสำรองอีกแห่งขึ้นไว้
ขณะเดียวกัน ผู้อ่านไทย อี-นิวส์ ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง เพื่อฝ่าทะลวงการปิดกั้น ช่องทางเข้าสู่หน้าเว็บในทุกวิถีทาง แม้แต่ขณะนี้ที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยกเลิกการใช้ไปแล้ว แต่รัฐบาลยังคงปิดกั้นการเข้าถึงไทย อี-นิวส์ ตามช่องทางปกติ ทำให้ผู้ชมต้องเปลี่ยนไปเข้ายังช่องทางใหม่[๑]
พฤษภาคม’๕๒ ผู้อ่านรวมเกิน ๑๐ ล้าน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ “ไทย อี-นิวส์” มีสถิติจำนวนผู้เข้าชมเว็บครบ ๑๐ ล้านครั้ง โดยในเวลา ๑๔.๐๐ น. ระบุยอดผู้อ่านไว้รวมทั้งสิ้น ๑๐,๐๐๐,๕๐๙ ครั้ง ในจำนวนนี้เป็นผู้เข้าชมครั้งแรก ๑,๕๖๘,๓๓๙ คน ผู้กลับมาเยี่ยมชม จำนวน ๓,๖๑๔,๖๑๐ คน[๑]
เผยทีมงานอาสามีแค่ ๖-ไม่รับสปอนเซอร์
ปัจจุบัน ทีมข่าวไทยอีนิวส์ เป็นกลุ่มอาสาสมัครที่นำโดย นายสมศักดิ์ ภักดิเดช ณ อยุธยา และผู้ร่วมงานรวมทั้งสิ้น ๖ คน ซึ่งต่างก็มีภาระอาชีพของตนอยู่ด้วย เป็นผู้คัดเลือกข้อมูลข่าวสาร บทความ ทรรศนะ บทวิจารณ์ นำเสนอทางเว็บล็อกสองแห่งคือ “ไทย อี-นิวส์” และ “ไทย เพรส ล็อก” เป็นหลัก ไม่มีสำนักงาน ไม่มีเงินเดือน หรือค่าตอบแทนใดๆ ตลอดจนไม่ยอมรับการสนับสนุน จากหน่วยงาน องค์กร หรือบุคคลใดก็ตาม เพื่อให้การปฏิบัติงานอาสา เป็นไปอย่างตรงไปตรงมาที่สุด[๑]
---------------------------------------------------------------------------------------------
[๑] นักข่าวชาวรากหญ้า, ยอดผู้อ่านไทย อี-นิวส์ทะลุ ๑๐ ล้านคลิก, ไทย อี-นิวส์, ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒
[๒] Editor01, แถลงข่าวกลุ่มประชาชนผู้รักประชาธิปไตย, ไทย อี-นิวส์, ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
[๓] Editor01, แถลงการณ์ขบวนทัพประชาชน, ไทย อี-นิวส์, ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙